3. MINIMALIST STYLE
การตกแต่งบ้านในสไตล์ Minimal คือสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มากด้วยประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกใช้งานสิ่งต่างๆ ตามความจําเป็นเท่านั้น ซึ่งจะถูกจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอลนั้นมักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ รวมถึงการออกแบบ
อารมณ์ของโทนสีของก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ โทนสีของอาจอยู่ในโทนสีแบบโมโนโทนก็ดูสวยเก๋ไม่เบา หรืออาจเน้นพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งให้มีความโดดเด่นหรือสีฉูดฉาด สำหรับสไตล์ Minimal ไม่ได้มีโทนสีที่ เฉพาะเจาะจง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่สีพื้นอย่าง ขาว ดำ เทา เป็นต้น เพราะให้ความรู้สึกที่เบา ไม่ฉูดฉาดเกินไป แต่ก็สามารถใช้สีโทนอื่นได้เช่นกัน แต่ให้คุมโทนไว้สามเฉด คือ สีเข้ม สีกลาง และสีอ่อน เช่นเลือกสีดำเป็นสีเข้ม สีขาวเป็นสีอ่อน ดังนั้นสีกลางคือสีเทา
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย นิยมแบบเรียบๆ ในหนึ่งชิ้นสามารถใช้ได้หลายหน้าที่ เช่น เลือกซื้อตู้โชว์ที่สามารถเป็นชั้นหนังสือ และชั้นวางทีวีได้ด้วย เลือกเตียงที่มีช่องเก็บของเล็กๆ ใต้เตียง เป็นต้น และการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็นและคุมโทนสีของ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นด้วย และมักเลือกใช้สีขาว หรือสีสันค่อนข้างขรึม เพื่อให้บ้านมีบรรยากาศที่ดูเรียบ สงบ และผ่อนคลาย
4. SCANDINAVIAN STYLE
การตกแต่งสไตล์สแกนดิเนเวีย (scandinavian) เหมาะกับคนที่รักการแต่งห้องในสไตล์เรียบง่าย อบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติ มีลักษณะเด่นคือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของแต่งห้องจากธรรมชาติเป็นหลัก มีการออกแบบตกแต่งภายในที่ดูสะอาดและเรียบง่าย ทำให้ห้องของเราน่าอยู่
การแตกแต่งห้องแบบสไตล์สแกนดิเนเวียโทนสีที่เลือกใช้ส่วนใหญ่คือ โทนสีแบบเอิร์ธโทน เป็นโทนสีที่เลียนแบบสีของธรรมชาติ อย่างเช่น โทนสีสว่าง โทนสีขาวเทา โทนสีน้ำเงินอมเขียว ก็เป็นโทนสีที่นิยมใช้ในการออกแบบตกแต่งภายใน เพราะแสดงถึงความเป็นธรรมชาติของสแกนดิเนเวียได้อย่างกลมกลืน
การตกแต่งภายในของห้องสไตล์สแกนดิเนเวียจะเน้นการใช้ฟังค์ชั่นที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย ลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะความเรียบง่ายและความโปร่งโล่งของห้องเป็นจุดเด่นของการตกแต่งห้องสไตล์นี้ ดังนั้น การใช้ฟังค์ชั่นที่มีการออกแบบเรียบง่ายจะยิ่งทำให้ภาพรวมของห้องไม่ดูยุ่งเหยิง และดูสวยงามอีกด้วย
5. LUXURY STYLE
บ้านสไตล์ luxury ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบและผสานการตกแต่งด้วยสไตล์หลุยส์ ทำให้ทุกองศาภายในบ้าน ดูสวยหรูหรา และอลังการยากจะหาใดเทียบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ โคมไฟ และลวดลายอันวิจิตรที่ประดับแต่งตั้งแต่ผนังตลอดจนเพดาน สร้างความอลังการให้ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างมากทีเดียว
ลักษณะการแต่งบ้านสไตล์ Luxury นั้นได้มีการประยุกต์มาจากการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นแต่เดิม ซึ่งการตกแต่งโมเดิร์นในแบบเดิมนั้นจะเน้นอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่มีความจำเป็น ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปจากตัวบ้าน เน้นการตกแต่งโดยคำนึงถึงการใช้สอยเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความหรูหรามากเกินไป จะเน้นความคล่องตัวเสียมากกว่า
การใช้วัสดุผสมกันระหว่างความเป็นโมเดิร์นสมัยใหม่ที่เน้นใช้สิ่งของทุกอย่างให้มีความคล่องตัวให้เข้ากับความหรูหรา ยกระดับสิ่งของแบบเดิมๆให้ดูมีคุณค่ามีราคา และสร้างมูลค่าที่ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขได้ เรามักจะเห็นโต๊ะ เก้าอี้และโซฟาที่มาพร้อมกับการออกแบบให้เหนือกว่าการใช้งานทั่วไป ทุกอย่างเน้นสร้างมูลค่าความหรูหราในตัวมันเองทั้งสิ้น
นอกจากนี้บ้านสไตล์ Luxury ยังนิยมประยุกต์ใช้วัสดุจากหินอ่อน ที่มีความหรูหราในตัว สามารถใช้ไม้เข้ามาผสมผสาน ในขณะที่บ้านแบบโมเดิร์นทั่วไปนั้นจะเน้นวัสดุที่ทำจากไม้หรือพลาสติกเพื่อเน้นการใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่การตกแต่งบ้านแบบ Luxury นั้นมีความหลากหลายมากในเรื่องของวัสดุตกแต่งให้เราเลือกแต่งได้ตามความพอใจ
6. BEACH HOUSE STYLE
(Beach house style) เป็นการแต่งบ้านที่ไม่มีข้อจำกัดตายตัว การออกแบบต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับสไตล์ความชอบของเจ้าของบ้าน โดยหลักสำคัญคือ การตกแต่งให้มีบรรยากาศของชายหาด ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ทะเล เน้นให้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติ โดยจัดตกแต่งให้มีความกลมกลืน ดูสบายตาและผ่อนคลาย
การเลือกสีในการตกแต่ง ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราจินตนาการถึงภาพชายหาด ท้องทะเลแสนสวย สีแรก ๆ ที่ผุดขึ้นมาก็คงจะหนีไม่พ้น “สีฟ้า” หากคุณต้องการบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ริมทะเลแล้วล่ะก็ สีฟ้าเป็นสีที่ขาดไม่ได้เลยในการแต่งบ้าน นอกจากนี้ยังมีสีน้ำเงิน สีขาว สีน้ำตาล ที่สามารถใช้แต่งบ้านให้ดูเป็นสไตล์บีชเฮ้าส์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณสามารถเลือกตกแต่งได้ตามความชอบ เช่น หากบ้านของคุณมีผนังสีขาวอยู่แล้ว อาจเลือกทาสีฟ้าบริเวณขอบหน้าต่าง หรือหาผ้าม่านสีฟ้า หรือสีน้ำเงินมาตกแต่ง นอกจากนี้ยังสามารถนำเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีฟ้า หรือ สีน้ำตาลมาตกแต่ง เป็นต้น
7. MODERN STYLE
บ้านสไตล์โมเดิร์น(Modern Style) เป็นรูปแบบของบ้านอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมในการก่อสร้างในปัจจุบัน การออกแบบลักษณะภายในของบ้านสไตล์โมเดิร์น จะเน้นความโปร่งโล่ง ออกแบบเป็นพื้นที่โล่ง ไม่นิยมการก่อผนังกั้นมากเหมือนบ้านรูปทรงอื่น รวมถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและไม่เยอะมากเกินไป ความประหยัดของการสร้างบ้านแบบโมเดิร์นนอกจากจะประหยัดในส่วนหลังคาแล้ว ยังอาจจะรวมถึงการสร้างผนังแบบปูนเปลือยที่ไม่จำเป็นต้องทาสี หรือพื้นปนเปลือย ที่ไม่จำเป็นต้องปูกระเบื้อง ทำให้ประหยัดงบประมาณอย่างมาก หรือแม้กระทั่งส่วนเพดานซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องทำฝ้าเพดานเหมือนบ้านรูปทรงปกติ แต่อาศัยการเดินท่อลอยบนพื้นสำเร็จรูปซึ่งมักพบเห็นได้ทั่วไป เช่นร้านกาแฟ หรือร้านที่ออกแบบในรูปทรงสมัยใหม่ต่างๆ
Modern Style ใช้น้อยสี สีสันที่ใช้ในสไตล์โมเดิร์นนั้น มักใช้ไม่เยอะมาก มักเล่นสนุกกับสีสันภายในห้องเพียงแค่ 2-3 สีเพียงเท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วมักใช้สีขาวเป็นโทนสีหลัก ซึ่งโทนสีขาวนั้นจะช่วยทำให้ภายในห้องนั้นเกิดความโปร่งโล่งสบาย ทั้งนี้หากไม่ชอบสีขาวเพราะรู้สึกว่าดูแลยาก ให้ลองใช้สีเทา หรือสีดำ ก็ได้ แล้วค่อยแทรกแซมสีสันสดใสเข้าไปอีกทีนึง
8. VINTAGE STYLE
เป็นการตกแต่งบ้านที่ได้จำลองรูปแบบการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในยุคเก่ามาใช้ร่วมกันกับของตกแต่งที่มีอายุการใช้งานนาน (เก่า) ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ ตู้เตียง เก้าอี้ โซฟา เคาน์เตอร์ แจกัน โคมไฟ ฯลฯรวมไปถึงการตกแต่งภายในที่เน้นการสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น จากการเลือกสีสันของลวดลายของผ้าม่าน วอลเปเปอร์และโทนสีของบ้าน
การแต่งบ้านสไตล์ Vintage มักเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่ามาใช้ในการตกแต่ง จึงทำให้ต้องมีการดูแลมากว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุอื่นๆ เนื่องจากคุณสมบัติของตัวไม้เองที่มีความคงทนต่อความชื้นและอุณหภูมิต่ำจึงควรรักษาเฟอร์นิเจอร์ให้แห้งอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงความชื้นหรือตั้งอยู่ในบริเวณที่ฝนหรือแสงแดดส่องเข้ามาถึงควรเปิดบ้านเพื่อระบายลมโดยใช้สีอ่อนสบายตา อย่าง สีขาว ครีมและน้ำตาล เป็นโทนสีหลักเพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นของในอดีต เอกลักษณ์ที่โดดเด่นสำหรับสไตล์นี้คือการเพิ่มเติมรายละเอียดของการตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ ผ้าลายเถาหรือลายดอกไม้สวยหวาน อาจจะนำมาหุ้มเป็นปลอกหมอน หมอนอิง ผ้าปูโต๊ะ ติดระบายผ้าม่าน ก็ช่วยเสริมให้สไตล์นี้ดูเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้หุ้มโซฟาหรือเทคนิคตอกหมุดแบบโบราณเสริมเข้าไปก็ยิ่งช่วยเพิ่มความเป็น Vintage ได้โดยไม่ต้องหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เลย สำหรับเก้าอี้อาจจะทำเบาะรองนั่งเย็บลูกไม้เป็นระบายกุ๊นตามขอบด้วยพู่เล็กก็ทำให้เก้าอี้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้น
9. RETRO STYLE
จุดเด่นของการตกแต่งบ้านแบบ Retro Style คือการทำให้บ้านของเราดูโดดเด่น สนุกสนาน มีชีวิตชีวา ซึ่งรวมไปถึงการตกแต่งบ้านให้ออกมาจัดจ้านและจี๊ดจ๊าดในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งหลักการของตกแต่งบ้านแบบ Retro ไม่จำเป็นจะต้องตกแต่งให้ย้อนยุคเหมือนกับแบบวินเทจ ซึ่งยุคสมัยที่คนไทยหลาย ๆ คนนิยมตกแต่งย้อนยุคในแบบ Retro ก็คือยุค 2499 อันธพาลครองเมือง นั่นเอง โดยหัวใจสำคัญของการตกแต่งบ้านแบบ Retro Style ก็มีดังนี้เลย
โทนสีต้องจี๊ดจ๊าด เรื่องของโทนสีไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องใช้โทนสีไหนเป็นพิเศษ เพราะในแต่ละยุคสมัยจะมีสีสันเฉพาะยุคนั้น ๆ อยู่แล้ว อย่างโทนสีพาสเทลที่เป็นของยุค 50’s ไปจนถึงสีสันที่ฉูดฉาดของยุค 70’s อาทิ สีเขียว สีส้ม และสีเหลืองมะนาว
เฟอร์นิเจอร์ต้องเก๋ไก๋ ในแต่ละยุคก็จะมีเฟอร์นิเจอร์ที่ดีไซน์เก๋ ๆ ตามแต่ละยุคเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ต้องเลือกให้ดีว่าเราตกแต่งตามยุคไหน และไม่ว่าจะรูปทรงเรขาคณิต โค้งมน หรือรูปแบบไหนก็ตาม แต่เฟอร์นิเจอร์ในแบบ Retro จะต้องใช้เพียงน้อยชิ้น และแต่ชิ้นก็ต้องมีความโดดเด่นในตัวเอง
เลือกของตกแต่งให้โดน การแต่งบ้านแบบ Retro ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพวกของตกแต่งนั่นเอง ได้แก่ นาฬิกา ตุ๊กตา โมเดล และรวมไปถึงวอลเปเปอร์บนผนังห้องด้วย เพราะฉะนั้น การเลือกของตกแต่งที่ดี และโดนใจจะช่วยเพิ่มความเป็น Retro ในแบบฉบับของคุณที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
10. THAI MODERN STYLE
การตกแต่งบ้านสไตล์ไทยโมเดิร์น คือการนำความเรียบง่ายของการตกแต่งภายในบ้าน ในลักษณะโทนสี เน้นความเรียบ ทันสมัย สะอาดตา และของตกแต่งไม่มากจนเกินไป มาผสมผสานออกแบบกับวัสดุต่างๆที่มีกลิ่นอายความเป็นไทย อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ เฟอร์นิเจอร์หวาย ศิลปะหัตกรรมพื้นบ้านของไทย เช่นเครื่องจักสาน ผ้าไหมไทย หรือวัสดุประเภทไม้ที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนานของไทย
การตกแต่งภายในบ้านให้มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยในนั้น อันดับแรกที่ควรคำนึง คือวัสดุหรือของตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย เช่น ไม้ หวาย ลวดลายต่างๆ
วอลเปปเปอร์ มีด้วยกันหลากหลายลวดลาย แต่หากจะสื่อความเป็นไทยได้ดีนั้นก็คงไม่พ้นลายไทย หรือลายไม้ หากเป็นบ้านที่ไม่ได้ทำด้วยไม้ก็ต้องเลือกวอลเปปเปอร์ที่สื่อถึงความเป็นไทย หรือเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย แต่ลายไทยไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักสำหรับการตกแต่งภายในบ้านทั้งหมด ดังนั้นอาจจะเลือกเป็นมุมหนึ่งมุมใดของบ้านก็ทำได้